เรื่องสิงหไกรภพ เป็นนิทานคำกลอนที่มีเค้าโครงเรื่องสนุกสนาน การผูกเรื่องชวนให้อ่านติดตาม ประกอบกับมีสำนวนโวหารที่จับใจผู้อ่านอยู่หลายตอน และเนื้อหาของเรื่องให้สาระอันเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้อ่าน จึงทำให้วรรณคดีเรื่องสิงหไกรภพเป็นที่ชื่นชอบและติดตรึงใจคนไทยมาช้านาน
เรื่องย่อ
จนกระทั่งวันหนึ่ง “แม่ทัพอำนาจ” ยกทัพไปปราบ “โจรสลัดหิมวัฒน์”และพรรคพวกได้แล้ว จึงพาตัวลูกชายของจอมโจรวัย ๕ ขวบ มาถวายพระเจ้าอินณุมาศและพระนางจันทร์แก้ว เมื่อทั้งสองพระองค์ทรงทอดพระเนตร ก็รู้สึกเอ็นดูรักใคร่ ปรารถนาจะได้เด็กนั้นเป็นบุตรบุญธรรม แม้แม่ทัพอำนาจ กับ “อำมาตย์กุศล”ต่างก็ได้ทูลทัดทานว่าจะเป็นการเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ ซึ่งอาจเกิดเภทภัยในวันข้างหน้าได้ แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่ทรงสนพระทัย ด้วยความรักความหลงในเด็กน้อยนั่นบังตาเสียสิ้น พระเจ้าอินณุมาศได้ตั้งชื่อเด็กน้อยนั้นว่า “คงคาปราลัย” โดยคงคาปราลัยเติบโตขึ้นมาพร้อมกับนิสัยที่ดุร้ายไม่ผิดกับผู้เป็นพ่อ ยิ่งได้ “อำมาตย์กระแจะ” กับ “อำมาตย์กระจาน” คอยยุยงส่งเสริมหวังประจบเพื่อความดีความชอบแล้ว ก็ยิ่งทำให้คงคาปราลัยกระทำการชั่วช้าสามานย์มากยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระราชาและพระราชินีก็จะประจบประแจงเอาอกเอาใจ จนพระราชาและพระมเหสีต่างก็หลงใหล ไม่ทรงล่วงรู้ถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของคงคาปราลัยเลย ต่อมาพระนางจันทร์แก้วทรงสุบินประหลาดว่า ...พระนางได้ดวงอาทิตย์มาแล้วกลับถูกแย่งชิงไป โดยผู้วิเศษ... ...โหรทำนายว่าจะได้พระโอรสไว้สืบสกุลและจะเป็นพระโอรสที่ยิ่งใหญ่ประเสริฐและเกรียงไกรดุจดังพระอาทิตย์ แต่เมื่อยังเล็กจะถูกพรากจากกันไป แต่เมื่อเติบใหญ่จึงจะได้พบกันอีกครั้ง... ทำให้คงคาปราลัยเกิดความอิจฉายิ่งนัก จึงสมคบคิดกับอำมาตย์ฝ่ายของตน ก่อการกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์จากพระเจ้าอินณุมาศพระบิดาเลี้ยงของตนเอง พระเจ้าอินณุมาศกับพระนางจันทร์แก้วต้องหลบหนีภัยออกจากพระนครไป แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า เมื่อพรานสิงห์มาพบเข้าก็สงสารจึงพามาอยู่ในหมู่บ้านด้วยกัน โดยให้ช่วยทำไร่ทำนาทดแทนบุญคุณฝ่ายอำมาตย์กุศล และ “หมื่นระบิล” จำใจต้องยอมสยบต่อคงคาปราลัยไปก่อน เพื่อคอยหาจังหวะช่วงชิงอำนาจ และราชสมบัติกลับคืนมาในภายหลัง คงคาปราลัยเมื่อได้ขึ้นเป็นพระราชาก็ก่อการปล้นฆ่าชาวบ้านด้วยความคึกคะนองหยาบช้าของตน เมื่อชอบใจหญิงสาวสวยคนใหน ไม่ว่าจะเป็นลูกเต้าเมียใครที่ถูกใจ ก็จะให้ทหารไปนำตัวมาบำเรอกามของตนเองให้ได้ จนทำให้บ้านเมืองเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า แล้วในที่สุดอำมาตย์กุศลกับพรรคพวก และชาวเมืองก็หาทางกำจัดคงคาปราลัยได้สำเร็จในที่สุด แล้วจึงพากันออกตามหาพระราชาอินณุมาศและพระมเหสีให้กลับมาครองบัลลังก์เหมือนเดิม ซึ่งพระนางจันทร์แก้วได้คลอดลูกออกมาเป็นชายสมดั่งที่โหรทำนายไว้ไม่มีผิด ก็ปลาบปลื้มโสมนัสยินดีปรีดาเป็นยิ่งนัก เฝ้าถนอมเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ก็ยังถูกชาวบ้านบางคนไม่พอใจ คอยหาทางกลั่นแกล้งให้ออกไปทำงานหนักในไร่ในนาทั้งๆที่ลูกน้อยยังอ่อนวัยอยู่ จึงต้องทิ้งลูกเอาไว้กับเด็กชาวบ้านตามลำพัง
ที่หมู่บ้านพราหมณ์แห่งหนึ่ง “พราหมณ์จินดา”วัย ๑๒ ขวบได้รับคำสั่งจากพราหมณ์ผู้บิดา คือ "พราหมณ์วิรุญฉาย"ให้ไปสืบหาเด็กที่มีบุญบารมีแล้วนำมาเลี้ยงดู ซึ่งตอนนี้ได้ถือกำเนิดแล้ว ก็จะทำให้พราหมณ์จินดาเจริญรุ่งเรืองได้เป็นใหญ่เป็นโตต่อไปในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน พราหมณ์จินดาจึงออกตามหาเด็กที่ว่านั้น จนกระทั่งมาพบกับลูกของพระนางจันทร์แก้ว เห็นว่ามีคุณลักษณ์ต้องตามที่บิดาบอกไว้ทุกประการ จึงตัดสินใจลักพาตัวกุมารน้อยไป เมื่อพระนางจันทร์แก้วกลับมาก็ไม่พบลูก จึงออกตามหากันทั้งหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบแม้นแต่เงา พระนางจันทร์แก้วทรงทุกข์โทมนัสจนพระทัยแทบจะขาดที่ลูกถูกพรากไปเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เมื่อนึกถึงคำทำนายของโหรที่ว่าลูกจะถูกพรากไปในตอนเด็ก แล้วจะได้กลับมาพบกันในที่สุด พระนางจึงหักห้ามความเสียใจได้บ้าง เมื่ออำมาตย์กุศลตามมาพบพระเจ้าอินณุมาศและพระมเหสีจันทร์แก้วแล้ว จึงทูลเชิญเสด็จกลับไปครองเมืองโกญจาอีกครั้ง
ฝ่ายพราหมณ์จินดาพากุมารน้อยระหกระเหินมาถึงกลางป่า จนกระทั่งมาพบกับ “ยักษ์พินทุมาร” เมื่อยักษ์พินทุมารเห็นเด็กทั้งสองก็เกิดความรัก จึงนำมาเลี้ยงเพราะตัวเองไม่มีลูก แล้วจึงให้ “นางยักษ์ไกรสร” ที่มีชาติกำเนิดเป็นนางสิงห์(สิงโต)ให้ช่วยเลี้ยงดูให้นมแบบมารดามนุษย์ เพราะนางไกรสรกำลังมีลูกอ่อนเพศเมียชื่อ“อัปสร” พอดีเลยเป็นเพื่อนเล่นกัน ทารกน้อยจึงมีพละกำลังมากมายเพราะกินนมนางสิงห์ และยักษ์พินทุมารได้ตั้งชื่อให้ว่า “สิงหไตรภพ” แปลว่าสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่ไปทั้งไตรภพ(๓ ภพเลยทีเดียว) แล้ววันเวลาก็ผ่านไป ๕ ปี กุมารน้อย ได้เติบโตขึ้นมาด้วยความรักใคร่เอ็นดูของยักษ์พินทุมาร แต่นางไกรสรนั้นคอยหาทางที่จะกินสิงหไกรภพอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิดใจกับอัปสรลูกสาวที่เป็นเพื่อนเล่นที่สนิทกับสิงหไกรภพนั้นเอง ต่อมาสิงหไกรภพชวนพราหมณ์จินดาไปเที่ยวเล่นในบริเวณที่หวงห้าม จึงได้พบต้นไม้วิเศษที่ใบของมันกินแล้วจะกลายเป็น นาค นกแก้ว และลิงก็ได้ เด็กน้อยจึงลองกินดู แล้วกลายร่างเป็นนาค ยักษ์พินทุมารกลับมาเห็นเข้า จึงนำน้ำจากแอ่งผาในซอกหินมาลูบตัวเด็กน้อยทั้งสอง จนกลับมาเป็นคนตามเดิมแล้วสั่งห้ามเข้ามาซุกซนในบริเวณนี้กันอีก พราหมณ์จินดาตัดสินใจเล่าให้สิงหไกรภพฟังว่า พินทุมารมิใช่พ่อแท้ๆ แต่เป็นยักษ์ที่บังคับให้พราหมณ์จินดากับสิงหไกรภพมาเป็นลูก ซึ่งสิงหไกรภพอยากพบหน้าพ่อแม่ที่แท้จริงบ้าง จึงชวนกันหาทางหนียักษ์พินทุมาร ระหว่างนั้นมีวิทยาธรชื่อ “เพชรพญาทร” แอบมาลัก “พระขรรค์ประกายฟ้า” ที่ พินทุมารตั้งใจจะให้สิงหไกรภพต่อไป ยักษ์พินทุมารจึงออกตามล่าเอาพระขรรค์คืน สิงหไกรภพจึงชวนพราหมณ์จินดาไปเด็ดใบไม้วิเศษ จึงได้พบกับ “น้าผี”ที่ทำหน้าที่เฝ้าต้นไม้นั้น น้าผีรักเอ็นดูเด็กทั้งสอง จึงสั่งว่าหากเดือดร้อนก็ให้นึกถึงตน แล้วน้าผีจะมาช่วยเอง สิงหไกรภพได้พาพี่ชายหนีออกมาได้ ซึ่งยักษ์พินทุมารได้ทำการรบกับเพชรพญาทร โดยไม่แพ้ชนะกัน และได้คิดถึงลูกขึ้นมาจึงหวนกลับมาหาแต่ก็ไม่พบลูก จึงออกตามหาจนทันกัน แต่สิงหไกรภพได้หนีจนพ้นเขตถ้ำแก้วของยักษ์พินทุมารไปแล้ว ยักษ์พินทุมารเสียใจที่ลูกรักหนีจากตน ตัดสินใจสั่งเสียลูกขอให้ตามเอาพระขรรค์วิเศษคืนจากวิทยาทรให้ได้ พร้อมให้ “สายรุ้งวิเศษ”ไว้ป้องกันตัว จากนั้นก็สิ้นใจตาย
สิงหไกรภพเสียใจที่ยักษ์พินทุมารต้องตายไป จึงได้พากันทำพิธีศพให้ เมื่อหักห้ามใจได้แล้วก็ชวนพี่ชายพากันไปหาเพชรพญาทรจนเจอ จึงเกิดการสู้รบกันขึ้น แต่เด็กทั้งสองก็รบสู้เพชรพญาทรไม่ได้ เพราะเพชรพญาทรได้รับ พรวิเศษว่า ...ไม่มีใครสามารถฆ่าให้ตายได้ นอกจาก “เทวี ๔ ตา” เท่านั้น... สิงหไกรภพยังไม่ละความพยายามที่จะออกตามหาเทวี ๔ ตา เพื่อจะขอให้เทวีนั้นไปฆ่าเพชรพญาทรให้ได้ สิงหไกรภพเดินทางมาจนพบ “นครมารัน” จึงกินดอกไม้วิเศษให้ร่างกายกลายเป็นนกแก้ว แล้วบินเข้าไปในพระราชวัง จนพบกับ “พระธิดาสร้อยสุดา” แล้วสิงหไกรภพก็กลายร่างเป็นเด็กตามเดิม แล้วก็ได้เข้ามาเล่นกับพระธิดาจนสนิทสนมกัน สิงหไกรภพได้ถามหาเทวี ๔ ตา ซึ่งสร้อยสุดาไม่รู้จัก สิงหไกรภพจึงต้องออกตามหาเทวี ๔ ตาต่อไป ก่อนจากกันสิงหไกรภพได้มอบแหวนให้สร้อยสุดา สร้อยสุดาก็พาสิงหไกรภพไปหลบซ่อนในดอกบัวใหญ่ที่สร้อยสุดาได้กำเนิดขึ้นมา (สร้อยสุดาเป็นนางที่เกิดในดอกบัวไม่ใช่ยักษ์ ท้าวจตุรพักตร์พญายักษ์ผู้ครองนครมารัน มาพบเข้าจึงนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม)สิงหไกรภพกับพี่ชายออกมาจากเมืองมารันของยักษ์ “จตุรพักตร์” ก็พากันออกค้นหาเทวี ๔ ตา ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งบนฟ้า ในมหาสมุทรถิ่นที่อยู่ของพญานาค จนกระทั่งได้พบกับพญาลิงชื่อ “วาตะ” และ “ปู่นกฮูก” ที่คอยช่วยเหลือและช่วยรบกับเพชรพญาทรอยู่หลายครั้งด้วยกัน
หลายปีผ่านไป สิงหไกรภพเติบโตเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม พราหมณ์จินดาจึงพากลับมายังหมู่บ้านพราหมณ์บ้านเกิดของตน พราหมณ์ผู้เฒ่าคนหนึ่งเข้ามาทักทายพราหมณ์จินดา เมื่อพราหมณ์จินดาแนะนำว่าสิงหไกรภพเป็นน้องของตน แต่พราหมณ์เฒ่าก็ค้านว่าไม่ใช่เพราะรู้ดีว่าแม่ของพราหมณ์จินดามีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้สิงหไกรภพซึ่งแอบได้ยิน ก็เริ่มสงสัยในชาติกำเนิดที่แท้จริงของตน จึงขอให้พราหมณ์จินดาเล่าให้ฟัง พราหมณ์จินดากลัวน้องชายโกรธ จึงเพียงแต่เล่าว่าถูกยักษ์พินทุมารบังคับให้ไปลักสิงหไกรภพมาจากในป่า เพื่อมาเลี้ยงดู โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่สิงหไกรภพเป็นใครและอยู่ที่ใหน สิงหไกรภพจึงชวนพี่ชายออกตามหาพ่อแม่และเพชรพญาทรต่อไป
สิงหไกรภพเดินมาจนพบนครมารันอีกครั้ง แต่ยังจำไม่ได้ว่าเคยมาแล้วในตอนเป็นเด็ก สิงหไกรภพจึงกินใบไม้วิเศษกลายร่างเป็นนกแก้วเข้าไปในสวนดอกไม้ เห็นสร้อยสุดาอยู่ในสวนก็เกิดหลงรัก บินมาใกล้แล้วพูดคุยด้วย สร้อยสุดาเห็นนกพูดได้ก็เอ็นดูพาไปเลี้ยงดูในตำหนัก หลายวันผ่านไปสิงหไกรภพก็กลายร่างเป็นคน เมื่อสร้อยสุดาเห็นสิงหไกรภพก็นึกชอบพอใจ จนกระทั่งกลายเป็นความรักอย่างแน่นแฟ้นต่อกัน และลักลอบได้เสียกันเป็นสามีภรรยากันในที่สุด หลายวันเข้าพวกนางกำนัลยักษ์ก็พากันสงสัยเพราะได้กลิ่นมนุษย์ จึงพากันไปทูลยักษ์จตุรพักตร์ โดยท้าวจตุพักตร์ให้ทหารยักษ์ออกค้นหาจนทั่วก็ไม่พบ ต่อมาสร้อยสุดาตั้งครรภ์ก็เกิดหวาดหวั่นกลัวว่าพ่อจะโกรธ สิงหไกรภพจึงชวนสร้อยสุดาหนีออกจากนครมารัน โดยกินใบไม้ให้กลายเป็นนกแก้วแล้วพากันบินหนีไป ทำให้จตุรพักตร์โกรธมาก ลั่นวาจาว่าต้องฆ่าสิงหไกรภพให้จงได้
สิงหไกรภพพาสร้อยสุดาและพราหมณ์จินดารอนแรมมาถึงกลางป่า เพชรพญาทรมาเห็นสร้อยสุดานอนหลับอยู่ ขณะที่สิงหไกรภพไปหาอาหาร จึงลักพาตัวสร้อยสุดาไปไว้ในถ้ำของตน สิงหไกรภพกลับมาไม่เห็นสร้อยสุดาก็เสียใจพากันออกตามหาจนทั่วแต่ไม่พบ เพชรพญาทรนั้นพยายามจะลวนลามสร้อยสุดาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเมื่อเข้าใกล้ตัวนางคราใดก็จะเหมือนจับต้องเปลวไฟให้ร้อนลนทุกครั้งไป น้าผีและพราหมณ์จินดาแปลงกายเป็นนกแก้วออกตามหา จนพบสร้อยสุดาอยู่ในถ้ำ จึงกลับมาบอกสิงหไกรภพ ทั้งสามจึงพากันแปลงกายมาหาสร้อยสุดานัดแนะแผนการที่จะฆ่าเพชรพญาทร ต่อมาเพชรพญาทรรู้ว่าสร้อยสุดาวางแผนจะเล่นงานตน ก็จะใช้พระขรรค์ประกายฟ้าเล่นงานสร้อยสุดาจากทางด้านหลังปรากฏว่าสร้อยสุดาสามารถเห็นเพชรพญาทรจากทางด้านหลังได้ จึงหันกลับมาแทงเพชรพญาทรตาย ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าที่แท้แล้วสร้อยสุดาก็คือ เทวี ๔ ตา ผู้ซึ่งสามารถมองเห็นได้รอบทิศนั่นเอง เมื่อเพชรพญาทรตายแล้ว พราหมณ์จินดาจึงพาสิงหไกรภพออกตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตน ระหว่างทางยักษ์จตุรพักตร์ได้ติดตามมาทัน แล้วพาตัวสร้อยสุดากลับไปนครมารันของตนเอง สร้อยสุดาจำใจต้องกลับไปกับพ่อ เพราะว่าไม่ต้องการให้สิงหไกรภพถูกพ่อฆ่าตาย
สิงหไกรภพตัดสินใจออกตามหาพ่อแม่ของตนเองก่อน แล้วค่อยติดตามเอาสร้อยสุดาคืนมาในภายหลัง พราหมณ์จินดาได้พาสิงหไกรภพมาจนถึงหมู่บ้านนายพรานสิงห์ สืบถามหาพ่อแม่ของสิงหไกรภพ จึงรู้ว่าเป็นพระราชาอยู่ที่นครโกญจา สิงหไกรภพกับพี่ชายจึงพากันมาที่นครโกญจา ทำให้พ่อแม่ลูกที่พรากจากกันนับสิบกว่าปีได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ต่างคนต่างดีใจและมีความสุขอย่างที่สุด จากนั้นสิงหไกรภพจึงได้ลาบิดามารดาเพื่อกลับไปนครมารันเพื่อไปรับสร้อยสุดากลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปในนครมารันได้ เพราะยักษ์จตุรพักตร์ได้ใช้เวทมนต์คาถาปิดบังนครเอาไว้ จนกระทั่งสร้อยสุดาคลอดลูกออกมาเป็นชาย ท้าวจตุรพักตร์จึงตัดสินใจจะฆ่าสิงหไกรภพให้ตาย โดยทำเป็นเปิดเมืองให้ทุกคนมองเห็นได้แล้ว เพื่อล่อให้สิงหไกรภพเข้ามา แล้วจะหาทางจะฆ่าทิ้ง เมื่อสิงหไกรภพเข้ามาพบสร้อยสุดาได้แล้ว แต่ก็ถูกไล่ตามฆ่าจึงต้องหนีกลับเมืองโกญจาพร้อมสร้อยสุดา จตุรพักตร์แค้นมากจึงยกทัพมาตามตีถึงเมืองโกญจา ซึ่งพลยักษ์มีจำนวนมากมายสุดที่สิงหไกรภพจะต้านทานได้ พระฤาษีจึงต้องมาช่วยสอนเวทมนต์ให้สิงหไกรภพผูกหุ่นพยนต์เพื่อสู้รบกับพลยักษ์ โดยหุ่นพยนต์นั้นฆ่าไม่ตาย แต่พลยักษ์กลับล้มตายระเนระนาดจนหมดสิ้น
ในที่สุด จตุรพักตร์ก็ถูกฆ่าตาย สิงหไกรภพจึงครองคู่กับสร้อยสุดาและปกครองอาณาประชาราษฎร์ต่อไปอย่างมีความสุขตราบจนสิ้นอายุขัย
ที่มา https://sites.google.com/site/zzxzzx23tyutyu57/tanan/sing-ha-kir-phph
ที่มา https://sites.google.com/site/zzxzzx23tyutyu57/tanan/sing-ha-kir-phph
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น