เรื่องพระนลเป็นนิทานแทรกอยู่ในคัมภีร์มหาภารตะ มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องในค ติพราหมณ์ซึ่งแตกต่างจากคำห ลวงอื่นๆที่มักจะเป็นวรรณคดีในพุทธศ าสนา นอกจากนี้พระราชนิพนธ์พระนล คำหลวงยังได้รับการยกย่องจา กวรณคดีสโมสรว่าเป็นหนังสือ เรื่องดีและแต่งดีในกวีนิพนธ์อีกด้วยค่ะ
เนื้อเรื่องโดยย่อ
ในอดีตกาล ณ เมืองคันธปุระ ได้มี นางทมยันตี(ทะมะยันตี) เป็นธิดาของ พระเจ้าภีมราช เมื่อนางโตเป็นสาวก็มีรูปโฉมงดงามและเป็นกุลสตรีที่เพรียบพร้อม ความงามของนางร่ำลือกันไปไกลจนถึงสวรรค์เลยทีเดียว ส่วน "พระนล"นั้น เป็นเจ้าชาย "เมืองนีษระ" เป็นคนเก่ง ฉลาด และรูปลักษณ์งดงามมาก ต่างก็ยกย่องและร่ำลือกันไปไกล เมื่อทั้งคู่เติบโตอยู่ในวัยหนุ่มสาวต่างก็ใฝ่ฝันและถวิลหาซึ่งกันและกัน ในวันหนึ่งพระนลได้ไปเที่ยวที่อุทยาน แล้วจับ"นางหงส์"ได้ตัวหนึ่งโดยนางหงส์อ้อนวอนขอให้ปล่อยไปแล้วสัญญาว่าจะไปเล่ากิตติศัพท์และความหล่อเหลาของพระนลให้นางทมยันตีฟังพระนลจึงปล่อยไป เมื่อนางทมยันตีได้ฟังนางหงส์มาอธิบายต่างๆนาๆ เกี่ยวกับพระนลก็มีจิตปฏิพัทธ์เกิดความปั่นป่วนในหัวใจด้วยอานุภาพแห่งความรัก นางทมยันตีก็ยิ่งหลงใหลอยากจะเห็นหน้าและอยากได้พระนลมาครอบครอง เนื่องด้วยบุพเพสันนิวาสนั้นเอง พระเจ้าภีมราชจึงประกาศพิธีสยุมพรของพระนางทมยันตีขึ้น โดยเชิญเจ้าชายและกษัตริย์ทุกเมืองมาร่วมพิธี ให้นางทมยันตีพึงพอใจและเลือกคู่ด้วยตนเอง (พิธีสยุมพรเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมีเกียรติมากของกษัตริย์อินเดีย) ซึ่งเจ้าชายและกษัตริย์จากต่างเมืองก็มากันมากมายแต่นางทมยันตีก็ไม่ได้ถูกใจใครเลย พระนลก็เดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย ในระหว่างทางที่มาได้พบกับ พระอินทร์ พระยม พระอัคคี และ พระวรุณ ก็มาร่วมงานนี้ด้วย และได้ขอร้องให้พระนลไปเล่าความรู้สึก ความดี ความหล่อของตัวเองให้นางฟัง พระนลเศร้าใจแต่ด้วยอำนาจเทวฤทธิ์พระนลจำต้องทำตาม แต่นางไม่ได้รักและชอบใจในเทพทั้ง ๔ เลย ชอบแต่พระนลที่มาเป็นพ่อสื่อให้คนอื่นโดยไม่ได้นำเสนอตัวเองและบอกความรู้สึกตัวเองเลยแต่อย่างใด ถึงเวลาเลือกคู่นางทมยันตีได้เห็นพระนลมี ๕ ร่าง โดยไม่รู้ว่าร่างใหนคือพระนลตัวจริง นางจึงอธิษฐานขอให้เทวดาช่วยเหลือ แล้วนางก็ได้พระนลตัวจริงมาครอบครอง ทุกคนที่มาต่างก็ผิดหวังกลับไป ระหว่างทางที่เทพทั้ง ๔ เหาะกลับไปสวรรค์นั้นได้พบกับ "กลี"และ "ทวารบร" ซึ่งจะมางานนี้แต่ทราบว่านางทมยันตีได้เลือกพระนลไปแล้ว ก็โกรธเคืองสัญญาว่าจะทำลายความรักของทั้งคู่และจะทำให้แตกแยกและพลัดพรากจากกันให้ได้ หากตัวเองไม่ได้นางมาครอง ซึ่งเทพทั้ง ๔ ต่างขอร้องและห้ามปรามแต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอม จึงต้องปล่อยเลยตามเลย เมื่อพระนลและนางทมยันตีได้อภิเษกสมรสกันแล้วก็กลับมาครองเมืองนีษระของพระนลด้วยกันอย่างมีความสุข โดยไม่เปิดโอกาสและเหลียวมองกลีและทวารบรเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่จึงเริ่มแผนชั่วโดยกลีเข้าสิงพระนล ส่วนทวารบรเข้าสิงสกา(กีฬาชนิดหนึ่งซึ่งนิยมเล่นในอดีตและชอบท้าพนันกัน) แล้วก็ดลจิตดลใจให้ "ปุษกระ" ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระนลซึ่งมีนิสัยเป็นพาล ให้ท้าพระนลเล่นพนันสกาชิงบัลลังก์ในการครองบ้านเมืองกัน ด้วยขัตติยะมานะความเป็นสายเลือดกษัตริย์ พระนลจึงรับท้าพนันแล้วก็แพ้พนันสกาในครั้งนั้น จึงต้องเนรเทศตัวเองออกจากเมืองไปเป็นเวลา ๓ ปี โดยบัลลังก์และราชสมบัติตกเป็นของปุษกระ ซึ่งนางทมยันตีก็อาสาไปกับพระนลด้วยทั้งที่ทุกข์ยากและลำบากมาก พระนลขอให้นางอยู่ในวังแต่นางก็ไม่ยอมขอตามพระนลไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งคู่เดินทางไปในป่าอาศัยอยู่ในป่าด้วยกันอย่างมีความสุขทั้งที่ลำบากและขัดสนแต่ก็ไม่หวั่นอุปสรรคใดๆ ต่างให้ความรักความห่วงใยช่วยเหลือดูแลในกันและกันอย่างดี ทำให้กลีที่สิงพระนลอยู่นั้นก็ทนไม่ได้จึงเริ่มแผนชั่วร้ายขึ้นอีก โดยในตอนกลางคืนพระนลได้ลุกขึ้นและเดินเหม่อลอยหนีไปในป่าลึกเข้าไปๆ และได้มาพบกับ "พญานาค" ซึ่งกำลังจะถูกไฟไหม้ตาย พระนลจึงเข้าไปช่วยเหลือจนรอดมาได้อย่างปลอดภัย พญานาคจึงอยากช่วยพระนลให้หลุดพ้นจากการสิงสู่ของกลี เลยใช้เวทย์มนต์ทำให้พระนลมีรูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปไม่หล่อและรูปงามเหมือนเดิม พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า "พหุ และให้ ภูษา(ผ้า)แก่พระนลไว้ หากต้องการเปลี่ยนเป็นร่างเดิมก็ให้สวมใส่ภูษานี้ก็จะกลับมามีรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิม พร้อมกันนั้นพญานาคยังได้แนะนำให้พระนลไปอยู่รับใช้ ท้าวฤตุปรณะ แห่ง เมืองอโยธยา ซึ่งท้าวฤตุปรณะนั้นเชี่ยวชาญการเล่นสกาอย่างมาก ฝ่ายนางทมยันตี เมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบพระนลก็ออกตามหารอนแรมไปทั่วอย่างไม่รู้ทิศทาง นางได้เดินไปในป่าและถูกงูใหญ่รัดและจะกลืนกินนาง นางจึงได้ร้องให้คนช่วย พอดี "นายพรานป่า"มาพบเข้าจึงช่วยนางไว้ได้ พรานป่าเห็นนางเป็นคนสวยและพลัดพรากจากสามีก็เลยฉวยโอกาสจะเอานางเป็นเมียแต่นางไม่ยอม พรานป่าจะปลุกปล้ำนางให้ได้ นางจึงตั้งสัจจะอธิษฐานที่นางซื่อสัตย์ต่อสามีและรักเดียวใจเดียวขอให้นางแคล้วคลาดปลอดภัย ซึ่งปรากฏว่าพรานป่าเกิดอาการหายใจไม่ออก แล้วก็ถึงแก่ความตายโดยที่ยังไม่ได้ลงมือทำร้ายนางแต่อย่างใด นางจึงรีบหนีซัดเซพเนจรจนมาถึง เมืองวิภาปุระ ซึ่ง พระนางภาณุมตี เจ้าหญิงของเมืองนี้เห็นเข้าก็รู้ว่านางทมยันตีมาจากสกุลผู้ดี จึงนำนางไปเป็นนางกำนัลรับใช้ของตนเอง โดยที่ไม่รู้ว่านางเป็นใครมาจากใหน จนวันหนึ่งมีอำมาตย์มาจากเมืองคันธปุระได้พบนางทมยันตีเข้าก็จำได้ จึงได้เชิญให้นางทมยันตีเสด็จกลับเมืองคันธปุระ นางทมยันตียังคงเศร้าซึมเพราะคิดถึงพระนลตลอดเวลา พระบิดาของนางเห็นเข้าก็สงสารจึงสั่งให้อำมาตย์ออกไปตามหาพระนลตามเมืองต่างๆ จนมาถึงกรุงอโยธยา อำมาตย์ได้ทายปัญหาที่นางทมยันตีตั้งให้มาแล้วให้ผู้คนในวังได้ทายเล่นกัน ซึ่งพหุสามารถตอบได้ทั้งหมด อำมาตย์กลับไปทูลนางทมยันตี ซึ่งนางก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นพระนลอย่างแน่นอน(เพราะปัญหาคำทายบางอย่างมีแต่พระนลและนางทมยันตีเท่านั้นที่รู้กัน) ว่าแล้วนางทมยันตีก็คิดอุบายที่จะพิสูจน์ให้ได้ว่าพหุนั้นก็คือพระนล จึงได้ประกาศจัดพิธีสยุมพรเลือกคู่ให้กับตนเองครั้งใหม่ขึ้นอีกครั้ง และได้ให้อำมาตย์ไปเชิญท้าวฤตุปรณะแห่งกรุงอโยธยามาร่วมพิธีสยุมพรนี้ด้วย พิธีสยุมพรจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้แต่เพิ่งมาบอกในวันนี้ ซึ่งระยะทางระหว่างเมืองคันธปุระและเมืองอโยธยานั้นไกลกันมากคงจะไปไม่ทันเป็นแน่ แต่พหุก็ได้อาสาที่จะเป็นผู้บังคับราชรถให้ โดยที่พระนลนั้นมีฝีมือการบังคับราชรถให้รวดเร็วดังพายุได้ ทำให้ท้าวฤตุปรณะอัศจรรย์ในความสามารถยิ่งนัก และตรัสว่าหากพหุสอนวิธีบังคับราชรถให้ได้รวดเร็วอย่างนี้แก่พระองค์ พระองค์ก็จะสอนกลเม็ดการเล่นสกาให้แก่พหุด้วย ซึ่งทั้งสองก็ได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันระหว่างทางจนมาถึงกรุงอโยธยาภายในเวลาเพียงวันเดียว ซึ่งทำให้กลีที่สิงพระนลอยู่นั้น ต้องรีบหนีออกจากร่างของพระนลเพราะหากเล่นพนันสกากันอีกต้องแพ้พระนลอย่างแน่นอน ทำให้พระนลมีสติคืนกลับมาในสภาพเดิมทุกประการ เมื่อมาถึงเมืองคันธปุระ นางทมยันตีก็ได้ร้องเพลงอยู่ในม่านกั้นให้พหุฟัง อันเป็นเรื่องของนางกับพระนลตั้งแต่เริ่มมีใจนึกถึงกัน พบกันครั้งแรกและเรื่องราวของทั้งสองต่างๆนาๆตามลำดับ จนกระทั่งพลัดพรากจากกัน พระนลในร่างของพหุได้ฟังก็โศกเศร้าเสียใจและร้องให้ออกมา นางทมยันตีจึงให้พาพระโอรสและพระธิดาของนางออกมาให้พหุได้เห็น พหุได้เข้าไปหาและโอบกอดลูกทั้งสองด้วยความรักและเอ็นดูสุดประมาณ แล้วนางทมยันตีก็ปรากฏตัวออกมา และขอให้พหุกลับคืนร่างเดิม พหุจึงได้สวมภูษาแล้วก็กลับกลับคืนร่างเดิมเป็นพระนลอีกครั้ง ต่างก็สวมกอดและร่ำให้ดีอกดีใจจนสลบไป ณ ที่นั้น ทำความปลาบปลื้มและตื้นตันใจแก่ทุกๆคนที่ได้เห็นและรับรู้เรื่องราวของทั้งคู่ แล้วก็ช่วยกันทำให้ฟื้นขึ้นมาอยู่ร่วมกันหลังจากที่ต้องผจญชะตากรรมต่างๆนาๆ หลังจากนั้นพระนลก็ได้พานางทมยันตีพร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดากลับสู่เมืองนีษระของพระองค์เพราะครบกำหนด ๓ ปีพอดี โดยพระนลได้ไปท้าปุษกระมาเล่นพนันสกากันอีกครั้ง ซึ่งในคราวนี้ปุษกระเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถึงแม้ทวารบรจะสิงสกาอยู่ก็ตาม ทำให้ทวารบรต้องรีบหนีไปก่อนที่ความชั่วร้ายจะแตกและตัวเองอาจมีภัย พระนลให้โอกาสปุษกระได้อาศัยอยู่ในเมืองต่อไป ไม่ได้เนรเทศออกนอกเมืองไปแต่อย่างใด พระนลและนางทมยันตีก็ได้รับการอภิเษกให้ขึ้นครองราชย์สมบัติอันเป็นของพระองค์มาแต่เดิมอีกครั้ง และทรงปกครองทำนุบำรุงบ้านเมืองอาณาประชาราษฎร์ด้วยความเป็นธรรม ทำให้เกิดความสุขและความร่มเย็นสืบมาตราบจนสิ้นอายุขัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น